January 7, 2020
ท่องเที่ยว
วันนี้เรามีเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆมาแนะนำสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ9ข้อห้ามเมื่อเดินทางไปต่างประเทศบางทีเราอาจจะเผลอทำสิ่งที่ไม่ควรทำหรือแสดงออกแบบไม่ได้ตั้งใจเพราะบางครั้งมันจะทำให้ดูเหมือนว่าเราไปดูถูกประเทศของเขาก็เป็นได้อย่ารอช้าตามไปดูกันเลยคะว่าสิ่งใดไม่ควรทำบ้าง 1.ประเทศในตะวันออกกลาง ห้ามยกนิ้วโป้งเพราะมันคือสัญญาณในการต่อสู้ของเหล่าทาสในสมัยโรมันเมื่อหลายพันปีมาแล้วซึ่งจะเป็นการตัดสินว่าคนนั้นจะอยู่หรือตายหากยกนิ้วขึ้นก็รอดแต่ถ้าพลิกหัวนิ้วลงคนนั้นต้องถูกฆ่าตายเพราะอย่างนั้นจึงไม่นิยมนำมาใช้กัน 2.ประเทศกรีซ สำหรับใครที่เดินทางไปประเทศนี้ห้ามแบมือต่อหน้าโดยเด็ดขาดเพราะปกติแล้วเมื่อเราทานอาหารอิ่มก็มักจะแบบมือบอกว่าพอแล้วไม่รับเพิ่มแต่ถ้าเผลอไปแบบมือแบบนี้ต่อหน้าชาวกรีกละก็เขาถือว่าเป็นการดูถูกอย่างมากทีเดียวนะคะ 3.ประเทศเวียดนาม อย่ารับของมือเดียวโดยเฉพาะมือซ้ายมีหลายประเทศที่มีข้อห้ามหรือธรรมเนียมปฏิบัติข้อนี้เพราะมือซ้ายหลายๆประเทศเห็นว่าเป็นมือสำหรับชำระล้างเป็นมือสกปรกจึงไม่ควรรับสิ่งของใดๆนั้นเอง 4.ประเทศซาอุดิอาระเบีย ห้ามพบปะพูดคุยกับเพศตรงข้ามต่อหน้าคนอื่นซึ่งในศาสนาอิสลามค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องนี้เป็นอย่างมากไม่เว้นแม้แต่ชาวต่างชาติอาจโดนจับกุมได้เช่นผู้หญิงจับมือทักทายผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่สามีของตนต่อหน้าสาธารณะชนเป็นต้น 5.ประเทศฮังการี เมื่อเข้าร้านเหล้าห้ามชนแก้วนั้นเป็นวัฒนธรรมที่สืบเนื่องมาจากประวัตศาสตร์สมัยออสเตรียที่บุกมาทำสงครามกับฮังการีและในครั้งนั้นออสเตรียเป็นฝ่ายชนะและได้ประหารชีวิตแม่ทัพของฮังการีและฉลองด้วยการดื่มเบียร์มีการชนแก้วกันอย่างสะใจทำให้ชาวฮังการีเกลียดการชนแก้วและเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้บางทีเรื่องนี้ก็ละเอียดอ่อนเกินที่เราจะเข้าใจนะคะ 6.ประเทศเยอรมัน มาถึงประเทศนี้ข้อห้ามของเขาคือไม่ควรอวยพรวันเกิดล่วงหน้าต้องให้พอดีวันหรือไม่ก็หลังจากวันนั้นเพราะคนเยอรมันเขาถือเรื่องโชคลางบอกว่าจะโชคร้ายตลอดปีถ้ามาอวยพรวันเกิดล่วงหน้าคะ 7.ประเทศสหรัฐอเมริกา อย่าลืมให้ทิปถึงจะไม่ใช่กำหนดกฎหมายว่าต้องทำแต่ว่าการใช้ทิปเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนทำกันไม่ว่าจะในร้านอาหารร้านเสริมสวยเป็นต้นทิปที่เหมาะสมส่วนใหญ่จะจ่ายเป็นอัตราร้อยละของค่าบริการราวๆ15-20%ของค่าอาหาร 8.ประเทศอิตาลี อย่าสั่งเครื่องดื่มคาปูชิโนในช่วงเวลาเย็นจริงๆแล้วคาปูชิโนมีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลีคนอิตาลีส่วนใหญ่มักจะดื่มคาปูชิโนเฉพาะตอนเช้าพร้อมขนมปังแผ่นหรือคุกกี้เป็นอาหารรองท้องมื้อเช้านั่นเองด้วยเหตุนี้ทำให้คนอิตาลีไม่ดื่มคาปูชิโนในช่วงอื่นของวัน 9.ประเทศนอร์เวย์ หากจะให้ของขวัญหรือแสดงความรักไม่ควรห่อช่อดอกไม้ก่อนจะมอบให้คนอื่นและเวลาไปบ้านคนนอร์เวย์ควรนำของติดไม้ติดมือไปด้วยที่เยอรมันก็เช่นกันนะคะ ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก็ต้องเรียนรู้วัฒนธรรมหรืิอกฏข้อห้ามของประเทศนั้นๆให้ละเอียดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการไม่ดีหรืออันตรายต่อตนเองนะคะ
Read More »
January 7, 2020
ท่องเที่ยว
ประเทศอิตาลีซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกทั้งที่นี่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกอีกด้วย น่าไปสุดๆเป็นเมืองที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียวตามไปดูสถานที่ท่องเที่ยวกันเลยคะ 1.มหาวิหารซานมาร์โก้ นั้นนับว่าเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดอลังการของเวนิสเพราะมันมีทั้งกระเบื้องโมสเกที่เคลือบทองคำเเละกรอบหน้าต่างฝังอัญมณีโดยภาพรวมนั้นเป้ฯสถาปัตยกรรมเเบบโรมันตะวันออกที่งามสง่าท้าทายทุกสายตาที่มาพบเห็นเลยทีเดียวเเละทำให้ที่นี่กลายมาเป้ฯเเหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเวนิสที่เรียกว่างดงามเป็นอย่างยิ่งเเละในเเต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเเวะเวียนมาเที่ยวชมกันอย่างมากมาย 2.โบสถ์ซานตามาเรียเดลลาซาลูเต สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1465และ1482ออกแบบโดยกิลฟอร์ทโครงสร้างโบสถ์แต่ดั้งเดิมนั้นปัจจุบันเหลือเพียงรูปแบบของแท่นบูชาห้องโถงกว้างจากหน้าประตูและทางเดินซึ่งได้ใช้ศิลปะแบบโกธิคลอมบาร์คเป็นต้นแบบ นับแต่ปีค.ศ.1490เรื่อยมาลูโดวิโก้สโฟซ่าได้ให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบสถาปัตยกรรมเพื่อใช้เป็นสุสานสำหรับครอบครัวของเขาดยุคได้เล็งเห็นถึงความตั้งใจของเขาในซานตามาเรียเดอกราซีและเรียกงานของเขาว่าเป็นศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 3.สะพานรีอัลโต เป็นสะพานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสะพานข้ามGrandCanalทั้ง4แห่งอีก3แห่งคือสะพานPontedegliScalziหน้าสถานีรถไฟสะพานPontedell’Accademiaบริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์Galleriedell’Accademiaและสะพานล่าสุดPontedellaCostituzioneเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟกับจัตุรัสPiazzaleRomaเพิ่งเปิดใช้เมื่อปี2008นี่เองสำหรับสะพานรีอัลโตมีหลังคาคลุมสะพานที่สวยงามและเป็นย่านการค้าเก่าแก่ของเมืองมาตั้งแต่พันปีก่อนคริสตกาล 4.หอระฆังซานมาร์โก ตั้งอยู่บนมุมของลานซันมาร์โกใกล้กับด้านหน้ามหาวิหารซันมาร์โกหอระฆังแห่งนี้มีรูปแบบที่เรียบง่ายสร้างอิฐสี่เหลี่ยมเรียงกันเป็นชั้นๆหอระฆังแห่งนี้สร้างขึ้นในรูปแบบของหอเดิมที่สร้างตั้งแต่ค.ศ.1514โดยหอระฆังปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในค.ศ.1912หลังจากการพังทลายในค.ศ.1902และมีซ่อมใหม่ฐานรากใหม่เพื่อที่จะหยุดการทรุดตัวของหอระฆัง 5.แกรนด์คาแนล เป็นสัญลักษณ์ของเวนิสไล่องเรือเพลินๆกับคลองที่มีความยาวประมาณ3,800เมตรและมีความกว้างประมาณ30-90เมตรที่นี่อากาศดีและบ้านเมืองสะอาดตามากค่ะชมบ้านเรือนสวยๆสีสรรหลากหลายทั้งพระราชวังและโบสถ์และสถาปัตยกรรมที่งดงามเรียงรายอยู่ริมฝั่งคลองรับรองว่าจะเป็นประสบการณ์ที่คุณจะต้องหลงรักอย่างแน่นอนนเลยค่า
Read More »
January 4, 2020
ท่องเที่ยว
Hello วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปตะลึงตื่นตาตื่นใจกับสิ่งก่อสร้างที่มีความยิ่งใหญ่ และโดดเด่นที่สุดในโลก7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ตามรอยอารยธรรมดั้งเดิมซึ่งในแต่ละสถานที่นั้นมีเรื่องราวที่เกี่ยวโยงกับประวัติศาสตร์ของโลกด้วยรับประกันความสวยงามเกิน100%คะ 1.เปตราประเทศจอร์แดน สร้างจากการแกะสลักหินผาจนมีลักษณะสถาปัตยกรรมที่สวยงามซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีและอ่าวอัคบาในเมืองมาอัยของประเทศจอร์แดนสันนิษฐานว่าสร้างโดยชาวนาบาเทียนในช่วงก่อนคริสตกาลเมืองถูกทิ้งร้างเป็นเวลานานจนกระทั่งถูกค้นพบอีกครั้งโดยนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ในปีค.ศ.1812รับรองว่าคุณจะต้องตกตะลึงในความความสามารถของมนุษย์ยุคก่อนที่สามารถสร้างสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ออกมาได้อย่างงดงาม 2.พีระมิดชีเชนอิตซาประเทศเม็กซิโก ตั้งอยู่ภายในเมืองโบราณเขตเมืองทินัมของประเทศเม็กซิโกจุดโดดเด่นของเมืองแห่งนี้คือมีวิหารโบราณที่มีลักษณะเป็นรูปพีระมิดขั้นบันได มีทางขึ้นเพื่อเชื่อมไปถึงจุดกึ่งกลางบนยอดพีระมิดซึ่งมีแท่นบูชายัญสำหรับทำพิธีกรรมบูชาเทพเจ้าคาดว่าสร้างราว600ปีก่อนคริสตกาลนับว่าเป็นแหล่งโบราณคดีขนาดใหญ่ที่นักประวัติศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาประวัติความเป็นมาทั้งนี้เชื่อว่าชาวเผ่ามายาโบราณใช้พีระมิดแห่งนี้เชื่อมโยงกับหลักความรู้ด้านดาราศาสตร์อีกด้วย 3.กำแพงเมืองจีนประเทศจีน มีความยาวที่สุดในโลกมีความยาวประมาณ6,700กิโลเมตรทอดตัวไปในทะเลทรายและเนินเขาสูงชันผ่านหลายมณฑลแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของแผ่นดินมังกรในอดีตลองคิดดูสิการที่สามารถสร้างสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ต้องมีอิทธิพลขนาดไหน?แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าเบื้องหลังความอลังการนี้ต้องแลกมาด้วยชีวิตของผู้คนมากมายว่ากันว่าทุกๆ หนึ่งเมตรของกำแพงเมืองจีนคือหนึ่งชีวิตแรงงานที่ต้องสูญเสียอย่างไรก็ตามปัจจุบันกำแพงเมืองจีนได้รับยกย่องให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย 4.โคลอสเซียมประเทศอิตาลี เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่มีชื่อเสียงของกรุงโรมประเทศอิตาลีรู้จักกันในชื่อโคลอสเซียมในอดีตเคยถูกใช้เป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โรมันมีลักษณะเป็นอัฒจันทร์รูปวงกลมสร้างด้วยอิฐและหินทรายใช้เวลาสร้างประมาณ10ปีมีความสูง57เมตรสามารถจุผู้ชมได้มากกว่า50,000คนนอกจากนี้ยังมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมขังขณะเกิดฝนตกอีกด้วย 5.มาชูปิกชูประเทศเปรู ถูกขนามนามว่าเป็นเมืองโบราณที่หายสาบสูญของอาณาจักรอินคาตั้งอยู่ในเขตคุสโคบนยอดเขาสูงกว่า2,430เมตรได้รับยกย่องให้เป็น1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่คาดว่าสร้างเมื่อราวศตวรรษที่14 แต่หลังอารยธรรมของจักรวรรดิอินคาล่มสลายเมืองโบราณบนยอดเมฆแห่งนี้ก็ถูกทิ้งร้างเป็นเวลาหลายร้อยปีจนกระทั่งศาสตราจารย์ไฮแรมบิงแฮมนักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันค้นพบในปีค.ศ.1911 6.กริชตูเรเดงโตร์ประเทศบราซิล หากพูดถึง‘กริชตูเรเดงโตร์’หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อเท่าที่ควร แต่หากบอกว่ารูปปั้นพระเยซูคริสต์ขนาดยักษ์ก็คงร้องอ๋อกันบ้างแหละเนอะรูปปั้นพระเยซูมีความสูงกว่า38เมตรตั้งอยู่บนยอดเขากอร์โกวาดูนครรีโอเดจาเนโรประเทศบราซิลเปิดอย่างเป็นทางการในปีค.ศ.1931ใช้เวลาในการสร้างนานถึง5ปีนอกจากกริชตูเรเดงโตร์จะกลายเป็นสัญลักษณ์และที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวเมืองแล้วยังได้รับยกย่องให้เป็น1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนเกือบ2ล้านคนเลยทีเดียว 7.ทัชมาฮัลประเทศอินเดีย อนุสรณ์สถานแห่งความรัก’ที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ตั้งอยู่ในสวนริมฝั่งแม่น้ำยมุนาในเมืองอาคราได้รับยกย่องให้เป็นสุสานหินอ่อนที่มีสถาปัตยกรรมแห่งความรักที่สวยที่สุดในโลกสร้างในสมัยสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโมกุลผู้ต้องการสร้างอนุสรณ์ให้แก่พระมเหสีผู้เป็นที่รักตัวอาคารสร้างด้วยหินอ่อนและศิลาแลงมีลักษณะสถาปัตยกรรมที่สวยงามประดับลวดลายด้วยเครื่องเพชรพลอย หิน มีความวิจิตรงดงามมากส่วนผู้ออกแบบทัชมาฮาลคือ‘อุสตาดไอซา’เขาถูกประหารชีวิตในเวลาต่อมาเพื่อไม่ให้ไปออกแบบสถาปัตยกรรมอื่นที่สวยงามกว่าทัชมาฮาลได้อีก โอโห้สวยงามขนาดนี้ไม่ไปไม่ได้แล้วเก็บกระเป๋าจองตั๋วไปเที่ยวกันเลยคะ
Read More »
January 4, 2020
ท่องเที่ยว
วันหยุดแบบนี้อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปเฉยๆเราไปหาที่เที่ยวกันดีกว่าคะแต่ถ้าใครยังคิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหนดีต้องนี้เลยนครสวรรค์ไปเที่ยวกันมั๊ยสำหรับเพื่อนๆที่ไม่อยากค้างคืนบอกเลยว่าสบายมากไปเช้าเย็นกลับขับรถชิลล์ๆแค่นี้ก็สนุกได้ทั้งครอบครัวแล้วละคะ 1.อุทยานสวรรค์ หนองสมบุญที่นี้เป็นสวนสาธารณะที่มีผู้คนไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวหรือผู่เฒ่าผู้แก่นิยมไปพักผ่อนหย่อนใจกันมากเดิมเรียกว่าหนองสมบุญตรงกลางเป็นเกาะมีสวนหย่อมสวนไม้ดอกไม้ประดับมีพันธุ์ไม้หลากหลายชนิดน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ริมฝั่งน้ำภายในอุทยานจัดเป็นสวนสุขภาพด้านหน้าของสวนสาธารณะสร้างอย่างสวยงามมีห้องน้ำห้องแต่งตัวบริการแก่นักท่องเที่ยวด้วยคะ 2.วัดคีรีวงศ์ ตั้งสง่าเป็นสีทองเหลืองอร่ามไปทั้งเจดีย์หากขึ้นไปบนฐานพระเจดีย์ชั้น4สามารถมองเห็นภูมิทัศน์อันสวยงามของเมืองนครสวรรค์เห็นบึงบอระเพ็ดตลาดปากน้ำโพต้นแม่น้ำเจ้าพระยาศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์และเขาจอมคีรีนาคพรตไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็ไม่พลาดที่จะหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพวิวสวยๆไว้ 3.เขาหน่อ ใครไปนครสวรรค์ต้องไม่พลาดที่จะที่นี้เขาหินปูนรูปทรงสวยงามแปลกตาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนบนถนนพหลโยธินช่วงนครสวรรค์กำแพงเพชรซึ่งตั้งอยู่ในตำบลบ้านแดนอำเภอบรรพตพิสัยจังหวัดนครสวรรค์ 4.บึงบอระเพ็ด สำหรับบึงบอระเพ็ดนี้คงจะโดนใจเพื่อนๆหลายคนอย่างแน่นอนนั่งเรือชมทุ่งบัวแดงบัวสายบัวหลวงและบัวกินสายที่เบ่งบานละลานตาเต็มบึงโดยช่วงเวลาดีที่สุดคือ7.00-9.00น.และยังได้เห็นวิถีวิตชาวประมงที่ออกมาจับปลากันตั้งแต่เช้าตรู่ด้วย 5.ทุ่งปอเทือง ไร่ธรรมชัยจุดเด่นของทุ่งปอเทืองไร่ธรรมชัยที่มากกว่าทุ่งปอเทืองทั่วไปก็เห็นจะเป็นเขาหินปูนที่ตั้งเป็นแบ็คกราวน์อยู่ด้านหลังถ่ายรูปออกมาก็จะสวยแจ่มไม่เหมือนใครถ้าใครอยากขึ้นไปชมทุ่งบริเวณตีนเขาแล้วไม่อยากออกแรงเดินให้เมื่อยเค้าก็มีรถไถบริการรับส่งคิดค่าบริการท่านละ20บาทเท่านั้นเอง นครสวรรค์อยู่ไม่ไกลจากเมืองกรุงนั่งรถไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เที่ยงสมดั่งใจแล้วละคะ
Read More »
January 4, 2020
ท่องเที่ยว
หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในฝัน หลายๆคนคงอยากไปให้ถึงเป้าหมายที่วาดไว้ใช่ไหมละคะไม่ว่าจะในประเทศไทยเราเองหรือต่างประเทศก็ตามวันนี้ขอหยิบยกประเทศเกาหลีนับว่าเป็นประเทศที่ผู้คนต้องการบินไปเที่ยวสักครั้งให้ได้ในชีวิตเกาหลีใต้ชี้เป้า 6 จุดถ่ายรูปจนเมมเต็ม”รับรองว่าไปแล้วไม่ตกเทรนด์แต่จะเป็นอย่างไรตามไปชมกันคะ 1.อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน ข้อแรกเป็นจุดชมวิวและถ่ายรูปที่งดงาม ด้วยวิวทิวทัศน์ที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยมีฉายาที่ได้รับว่า สวิตเซอร์แลนด์เกาหลี โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ต้นเมเปิ้ลต่างๆจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม แดง เหลือง สลับกันทั่วทั้งภูเขา 2.อุทยานแห่งชาติบุคฮันซาน เป็นสถานที่เก่าแก่ที่เป็นที่ตั้งของวัดและป้อมปราการตั้งแต่สมัยอาณาจักรชิลลา ภูเขาหินแกรนิตขนาดใหญ่ โอบล้อมด้วยพรรณไม้ต่างๆสามารถชมทิวทัศน์ภาพใบไม้เปลี่ยนสี จากจุดชมวิวบนยอดเขา อีกทั้งยังสามารถมองเห็นกรุงโซลและแม่น้ำฮันได้ โอ้โห ฟินไปอีกคะ 3.เกาะนามิ เกาะเล็กๆรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว โดดเด่น สวยงามเหมาะกับมาแชะภาพคู่กันสุดๆ โดยต้นแปะก๊วยที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามทางเดินก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด บรรดาต้นเมเปิ้ลต่างๆก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มและแดง พาครอบครัวไปฟินนนนกันนะคะ 4.พระราชวังเคียงบกกุง นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์เกาหลีที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีแล้ว สีสันของบรรดาต้นแปะก๊วยต้นเมเปิ้ล มาช่วยแต่งเติมเสน่ห์ให้ชวนหลงใหลให้พระราชวังหลวงแห่งนี้น่าเยี่ยมชมมากขึ้น เรียกได้ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็สวยทุกรูปคะ 5.มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของเกาหลี และยังเป็นจุดถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสียอดฮิตในกรุงโซลอีกด้วยทั้งสถาปัตยกรรมอลังการล้อมด้วยทิวทัศน์สวยๆ ผสมกับสีสันสดใสของต้นแปะก๊วยและต้นเมเปิ้ลที่อยู่รอบๆ โอ๊ย…อะไรจะดีงามขนาดนี้ 6.สะพานแขวนมาจังโฮซู เป็นสะพานที่มีความยาวที่สุดในเกาหลีแล้ว ทำการรีโนเวทเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติในรูปแบบOutroThemeParkอันประกอบไปด้วยกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางปีนเขา พื้นที่แคมปิ้ง กิจกรรมทางน้ำต่างๆหอดูดาว คาเฟ่และร้านอาหารมากมายเลยละคะ ใครมาเที่ยวเก่าหลี…ต้องห้ามพลาดพิกัด6จุด ที่เราได้นำมาฝากให้เพื่อนๆชมกันอย่างเด็ดขาดเลยนะคะ
Read More »
January 4, 2020
ท่องเที่ยว
สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่วันหยุดยาวนี้ อยากไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศพม่าแต่ยังไม่รู้ข้อมูลข้อห้ามในการใช้ชีวิตในการท่องเที่ยวที่นั้นวันนี้เรามีเป็นเกล็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเพื่อเวลาเราไปเที่ยวจะได้ไม่ผิดกฏบ้านเมืองเขานั้นเองคะ 1.อินเตอร์เน็ตค่อนข้างช้า ขอแนะนำว่าใครที่ชอบถ่ายภาพแล้วลงโซเชียวอย่าพึ่งรีบคะมาอัพลงในบ้านเราดีกว่าเพราะการระบบอินเตอร์เน็ตไม่ค่อยดีแต่ก็สามารถใช้งานได้พวกใบจองโรงแรมหรือเอกสารก็ปรินท์ติดตัวไปเลย2ชุดค่ะและเรื่องโทรศัพท์อาจใช้ไม่ได้เลยอย่าหวังโรมมิ่งหรือซื้อซิมที่นั้นเพราะซิมการ์ดกับค่าโทรราคาแพงมากไม่มีสัญญาณหรือแม้แต่การโทรที่โรงแรมบางที่กลับประเทศไทยก็ไม่ติดด้วยละคะ 2.การถ่ายรูปสถานที่ ข้อนี้ต้องท่องเอาไว้เลย…ห้ามถ่ายรูปหรือถ่ายวีดีโอสถานที่ราชการสถานีตำรวจค่ายทหารสถานีรถไฟสะพานข้ามแม่น้ำหรือแม้แต่ภาพของคนที่นั้นโดยพลการ 3.ถ้าจะทำต้องขออนุญาตทางการก่อนนะคะ หากพูดถึงการแต่งกายคงไม่ได้แตกต่างจากประเทศอื่นเลยเพียงแต่งกายให้เรียบร้อยและให้เกียรติสถานที่ส่วนใครที่อยากจะเที่ยววัดหรือสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อยไม่สวมเสื้อสายเดี่ยวกางเกงขาสั้นหรือกระโปรงสั้นเพราะถือเป็นการให้เกียรติสถานที่ด้วย 4.เลี่ยงการเดินทางโดยรถไฟ แนะนำให้ใช้เครื่องบินในการเดินทางจะสะดวกที่สุดแล้วจริงๆแล้วรถไฟพม่าเรียกได้ว่าด้อยคุณภาพมากกว่ารถไฟในประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกันอีกอย่างที่ไม่แนะนำให้ใช้รถไฟในการเดินทางนั้นใช้เวลาเดินทางนานมากๆและบวกกับเส้นทางรถไฟแต่เนื่องด้วยราคาถูกคนพม่าเลยนิยมเดินทางด้วยรถไฟค่ะ 5.ปลั๊กไฟ เดินทางมาถึงข้อสุดท้ายปลั๊กไฟก็เหมือนกับบ้านเราเลย(220–230V50Hz)หากไปเที่ยวพม่านั้นไม่ต้องเตรียมปลั๊กต่อ3ตาไปนะคะ
Read More »
January 4, 2020
ท่องเที่ยว
อยู่เมืองไทยในช่วงนี้มันรู้สึกร้อนแสนร้อนหลายคนคงกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปเที่ยวหลบร้อนกันหลายประเทศซึ่งหนึ่งในตัวเลือกนั้นต้องเป็นดินแดนอาทิตย์อุทัยต้นกำเนิดดอกซากุระอย่าง”ประเทศญี่ปุ่น”แน่นอนเพราะด้วยอากาศที่เย็นสบายรวมทั้งวัฒนธรรมที่แตกต่างจากบ้านเราทำให้ญี่ปุ่นเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่หลายคนคิดอยากจะเดินทางไปเยือนวันนี้กระปุกท่องเที่ยวเลยมาแนะนำ10อันดับสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่เรียกว่าถ้าไปแล้วไม่ได้เที่ยวถือว่าไม่ถึงจ้าซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวจะมีอะไรบ้างนั้น 1.พระราชวังอิมพีเรียล พระราชวังอิมพีเรียลแต่เดิมมีชื่อว่าพระราชวังเอะโดะอีกหนึ่งสถานท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ตั้งอยู่ที่เมืองโตเกียวเพราะเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เมจิแห่งประเทศญี่ปุ่นเดิมที่นี่เป็นหมู่บ้านประมงเล็กที่ชื่อเอะโดะที่ถูกตั้งเป็นฐานที่มั่นรวมทั้งถูกตั้งเป็นศูนย์กลางของรัฐบาลทหารต่อมาได้ขยายเมืองให้ใหญ่ขึ้นจนมีประชากรและพื้นที่เมืองขนาดใหญ่มากขึ้นหลังจากนั้นเข้าสู่ยุคปฏิรูปเมจิการล้มล้างการปกครองแบบโชกุนลงจักรพรรดิเมจิจึงย้ายเมืองหลวงมาที่เอะโดะและเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นโตเกียวในปัจจุบันที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางทางการปกครองและวัฒนธรรมของประเทศและถูกเปลี่ยนให้เป็นพระราชวังในเวลาต่อมามีชื่อเรียกว่าพระราชวังอิมพิเรียลในปัจจุบัน ซึ่งภายในล้อมรอบด้วยคูเมืองประตูทางเข้าที่งดงามและป้อมปราการเก่าแก่ตั้งอยู่ห่างกันเป็นช่วงๆทางเข้าหลักอยู่ใกล้กับนิจูบะชิสะพานสองชั้นและจะเปิดให้คนภายนอกเข้าชมตามวาระพิเศษต่างๆสวนตะวันออกฮิงะชิซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของหอคอยใหญ่ภายในสวนงดงามไปด้วยดอกไม้หลากหลายพันธุ์และจะผลิบานตามแต่ฤดูกาลเหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการสถานที่พักผ่อนในอุดมคติ 2.โตเกียวทาวเวอร์ โตเกียวทาวเวอร์หอคอยสื่อสารขนาดใหญ่ที่สวยงามมากตั้งอยู่ในเขตมินะโตะกรุงโตเกียวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเพราะใน1ปีมีผู้ร่วมเข้าชมถึง2ล้าน5คนอีกทั้งยังเป็นเหมือนสัญลักษณ์เพื่อแสดงถึงอำนาจและอิทธิพลทางเศรษฐกิจของโลกเป็นที่ถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์วิทยุซึ่งที่นี่ได้แรงบันดาลใจมาจากหอคอยสูงในปารีสสร้างในสไตล์สถาปัตยกรรมโบราณแบบญี่ปุ่นทั้งนี้โตเกียวทาวเวอร์จะเปิดทำการตั้งแต่09.00-20.00น.โดยไม่มีวันหยุดใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่มาเยือนที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่นเลย 3.หมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคาวาโกะ ชิราคาวาโกะ(Shirakawako)หมู่บ้านท่ามกลางหุบเขาตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่6ในประเทศญี่ปุ่นเพราะเป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นหลังคามุงด้วยฟางข้าวสร้างขึ้นด้วยมือที่เรียกว่าการสร้างบ้านแบบกัตโชทสึคุริ(Gassho-zukuri)เป็นบ้านชาวนาโบราณที่มีอายุมากกว่า250ปีคำว่า”กัสโช”หมายความว่าพนมมือซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงลักษณะรูปแบบของบ้านที่มีหลังคามุงด้วยฟางข้าวชันถึง60องศาคล้ายสองมือที่พนมเข้าหากันมุงแบบลาดลงคล้ายหน้าจั่วเพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาวตัวบ้านมีความยาวประมาณ18เมตรและมีความกว้าง10เมตรสร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปูซึ่งบางแห่งสามารถเข้าพักค้างคืนได้แถมยังเป็นกิจการที่เปิดภายในครัวเรือนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เห็นการใช้ชีวิตแบบดั่งเดิมของชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง 4.ภูเขาฟูจิ ภูเขาฟูจิเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและอาจกล่าวได้ว่าเป็นภูเขาที่สวยที่สุดในโลกมีความสูงถึง3,776เมตรตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยะมะนะชิและชิซุโอะกะและสามารถมองเห็นได้จากโตเกียวและโยโกฮาม่าในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งวิธีที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิที่ง่ายที่สุดคือนั่งชมจากรถไฟสายโทไกโดที่วิ่งระหว่างเมืองโตเกียวและโอซาก้าถ้าคุณนั่งชินกันเซ็นจากโตเกียวที่มุ่งหน้าไปยังนาโงย่าเกียวโตและโอซาก้าช่วงที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิคือช่วงสถานีชิน-ฟูจิหรือประมาณ40-45นาทีหลังจากออกจากโตเกียวซึ่งจะมองเห็นได้ทางด้านขวามือของรถไฟแต่สำหรับผู้ที่อยากชมภูเขาฟูจิอย่างเต็มอิ่มและแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่งดงามขอเชิญที่ทะเลสาบทั้งห้า(FujiFiveLakeorFujigoko)หรือที่ฮะโกะเนะซึ่งเป็นรีสอร์ทบ่อน้ำพุร้อนและเป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติFuji-Hakone-Izu นอกจากนี้รอบๆภูเขาฟูจิเต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงามและเป็นอุทยานแห่งชาติฟูจิฮะโกะเนะอิซุมีทะเลสาบ5แห่งได้แก่ยะมะนะกะโกะคะวะงุจิโกะโมโตสุโกะโชจิโกะไซโกะและมีออนเซนหลายแห่งได้แก่ยะมะนะกะโกะคะวะงุจิโกะโอชิโนะโกะฯลฯนับได้ว่าภูเขาฟูจิมีอิทธิพลต่อศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณมีชื่อภูเขาปรากฏอยู่ในบทกลอนญี่ปุ่นหรือภาพพิมพ์ญี่ปุ่นและทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นชื่อบริษัทชื่อสินค้าและอื่นๆอีกมากมายล้วนตั้งชื่อว่าฟูจิเรียกว่าภูเขาฟูจินี้เป็นหัวใจของญี่ปุ่นก็ว่าได้ทั้งนี้ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปีเป็นช่วงที่ภูเขาฟูจิเปิดอย่างเป็นทางการให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปปีน 5.ช้อปปิ้งย่านสุดฮิตที่ย่านชินจูกุฮาราจูกุโอไดบะ เมื่อมาเที่ยวที่ญี่ปุ่นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการช้อปปิ้งซึ่งที่ญี่ปุ่นก็มีแหล่งช้อปที่หลายหลายแต่ที่ไม่ควรพลาดเลยคือย่านชินจุกุ(Shinjuku)แหล่งท่องเที่ยวทันสมัยฝั่งตะวันตกของโตเกียวนับเป็นแหล่งช้อปปิ้งและสถานบันเทิงยามค่ำคืนยอดนิยมที่มีชื่อเสียงโดยยามกลางวันสามารถแวะชมสวนสาธารณะชินจุกุเกียวเอ็นที่เงียบสงบ,ย่านชิบุยะ(Shibuya)เป็นศูนย์กลางแฟชั่นและวัฒนธรรมสมัยใหม่ของวัยรุ่นใกล้กับศาลเจ้าเมจิที่เงียบสงบติดต่อกันเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมและสวรรค์ของคนรุ่นใหม่คือย่านฮาราจูกุและย่านโอไดบะที่สร้างขึ้นจากการถมทะเลในอ่าวโตเกียวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวรุ่นใหม่เพราะที่นี่มีทั้งแหล่งบันเทิงขนาดใหญ่ชิงช้าสวรรค์ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่เป็นสัญลักษณ์ของเรนโบว์ทาวน์ที่เหล่าคู่รักวัยรุ่นนิยมขึ้นชิงช้าชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยงาม 6.โอซาก้า เมืองโอซาก้า(Osaka)เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของญี่ปุ่นและเป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสำหรับญี่ปุ่นตะวันตกตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำโยโดะมีคลองที่เชื่อมโยงกันไปมาภายใต้ถนนหลายเส้นซึ่งนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่นำความเจริญก้าวหน้ามาสู่เมืองและในฐานะที่เป็นเมืองดั้งเดิมจึงมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นต้นแบบของละครหุ่นกระบอกบุนระคุนอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังไม่ควรพลาดชมอ่าวโอซาก้าซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางความทันสมัยที่สุดและสวนสนุกUniversalStudiosJapan แต่ที่พลาดไม่ได้อย่างยิ่งคือปราสาทโอซาก้าซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นสร้างขึ้นในปี1586โดยโทโยโทมิฮิเดโยชิปัจจุบันเป็นป้อมปราการสูงห้าชั้นจำลองแบบจากของเดิมเก็บรักษาศิลปวัตถุโบราณหลายชิ้นทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโทโยโทมิและโอซาก้าในอดีตสำหรับแหล่งบันเทิงและย่านช้อปปิ้งที่จะต้องแวะคือย่านอุเมะดะและย่านนัมบะที่มีสถานีรถไฟและศูนย์การค้าใต้ดินที่ทันสมัยอยู่จำนวนมากสำหรับนักจับจ่ายซื้อของและนักชิมอาหาร”คุอุดะโอะเระ”ถนนนักชิมที่มีชื่อเสียงสมคำเล่าลือที่ว่าโอซาก้าเป็นเมืองสำหรับนักชิมอย่างแท้จริงอาหารขึ้นชื่อของที่นี่เช่นยากินิกุ,ซูชิและทาโกะยากิ 7.ปราสาทฮิเมะจิ ปราสาทฮิเมะจิ(HimejiCastle)ตั้งอยู่เมืองฮิเมะจิเป็นปราสาทที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นที่ยังคงรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพร้อมทั้งได้มีการปิดเพื่อทำการปฏิสังขรณ์เป็นเวลา5ปีตั้งแต่ปี2009-2014แต่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมภายในและชมกระบวนการซ่อมแซมได้อย่างใกล้ชิดปราสาทฮิเมะจิเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญเพราะเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่เหลือสุดรอดมาจากยุคสงครามและได้รับการรับรองจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเพราะยังคงความเป็นเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมและยุทโธปกรณ์ครบตามแบบของปราสาทญี่ปุ่นทั้งฐานหินสูงกำแพงสีขาวและอาคารต่างๆในบริเวณปราสาทถือได้ว่าเป็นมาตรฐานตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น อีกทั้งรอบๆปราสาทยังมีเครื่องป้องกันอีกมากมายเช่นช่องใส่ปืนใหญ่รูสำหรับโยนหินออกนอกปราสาทและลักษณะที่เด่นชัดของปราสาทนี้คือทางเดินสู่อาคารหลักซึ่งสลับซับซ้อนราวกับเขาวงกตทั้งประตูและกำแพงในปราสาทได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้บุกรุกเข้าถึงได้โดยง่ายโดยทางเดินมีลักษณะเป็นวงก้นหอยรอบๆอาคารหลักและระหว่างทางก็จะพบทางตันอีกมากมายและจนทุกวันนี้ปราสาทฮิเมะจิก็ยังไม่เคยถูกโจมตีเลยระบบการป้องกันต่างๆจึงยังไม่เคยถูกใช้งาน 8.วัดโทไดจิ วัดโทไดจิ(TodaijiTemple)วัดพุทธที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดของเมืองนาราได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับศาลเจ้าและสถานที่สำคัญของเมืองนาราอีก7แห่งภายในวัดมีหอไดบุทสึ(Daibutsuden)หรือวิหารไม้ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลกเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุทสึหล่อสำริดขนาดใหญ่สูง14.98เมตรน้ำหนักราว500ตันหล่อโดยช่างสมัยเท็มเปียว(729-764) 9.ฮอกไกโด ฮอกไกโด(Hokkaido)เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นถือเป็นสวรรค์ของธรรมชาติสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปีมีธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลายทั้งภูเขาที่ราบสูงแม่น้ำทะเลสาบบ่อน้ำพุร้อนและชายฝั่งทะเลมีอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาวมีหิมะที่ขาวละเอียดดุจแป้งฝุ่นและสกีรีสอร์ทที่ดึงดูดนักเล่นสกีจากทั่วโลกขณะที่ในฤดูใบไม้ผลิซากุระจะบานช้ากว่าภูมิภาคอื่นในญี่ปุ่นสามารถชมซากุระได้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมส่วนฤดูร้อนอากาศจะไม่ร้อนเหมือนส่วนอื่นๆเพราะมีทุ่งดอกไม้ต่างๆที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงและในฤดูใบไม้ร่วงใบไม้จะเปลี่ยนสีก่อนที่อื่นๆในประเทศญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายนจนถึงตุลาคม โดยมีเมืองซัปโปโร(Sapporo)เป็นเมืองหลวงของฮอกไกโดซึ่งในซัปโปโรมีสวนสาธารณะโอโดริซึ่งเป็นที่จัดแสดงงานเทศกาลหิมะที่มีชื่อเสียงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาชมงานในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีนอกจากนี้ยังมีหอนาฬิกาอันเก่าแก่และที่ว่าการเมืองฮอกไกโดอีกทั้งย่านร้านค้าซุซุกิโนะซึ่งเป็นศูนย์การค้าและแหล่งจับจ่ายซื้อของที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ เมืองฮะโกะดะเตะ(Hakodate)เป็นเมืองท่าชายทะเลที่สำคัญที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของฮอกไกโดในยามเช้าสามารถเที่ยวตลาดสดขายอาหารทะเลสดๆที่มีให้ชิมยามสายเที่ยวชมโบสถ์และป้อมปราการโบราณในเมืองยามเย็นนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนเขาฮะโกะดะเตะชมทิวทัศน์ยามราตรีที่สวยงามได้รอบทิศด้านเมืองอะซะฮิกะวะ(Asahikawa)ตั้งอยู่ใจกลางเกาะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซัปโปโรใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งโดยรถไฟด่วนจากเมืองซัปโปโรและจากเมืองอะซะฮิกะวะไปทางตะวันออกจะมีอุทยานแห่งชาติไดเซะทสุซังซึ่งมีบ่อน้ำแร่โซอุนเกียวให้เพลิดเพลินในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี นอกจากนี้ฮอกไกโดยังมีธรรมชาติอันสวยงามที่เป็นชายฝั่งทะเลใกล้เมืองอะบะชิริ(Abashiri)มีธารน้ำแข็งให้ชมในฤดูหนาวและคาบสมุทรชิเระโตะโกะ(Shiretoko)ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติด้วยอีกทั้งทะเลสาบอะคังทะเลสาบมาชูและทะเลสาบคุชิโระและทางตะวันตกของฮอกไกโดมีเมืองโอะตะรุ(Otaru)เป็นเมืองท่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองค้าขายในช่วงศตวรรษที่19-20รอบๆเมืองจะมีคลองโอะตะรุเป็นโบราณสถานแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยบุกเบิกมีถนนร้านซูชิที่สดที่สุดในโลกให้ลองลิ้มชิมรส 10.ชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ณฟุระโนะ เมืองฟุระโนะตั้งอยู่ใจกลางฮอกไกโดพอดีเป็นที่รู้จักกันในนามทุ่งดอกไม้ที่มีภูเขาล้อมรอบไว้ทำให้ที่นี่มีความแตกต่างของอากาศในช่วงฤดูหนาวกับฤดูร้อนราว30องศาและที่สำคัญที่นี่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวทั้งในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาวในหน้าร้อนจะมีสวนดอกไม้ที่สวยงามโดยเฉพาะที่ฟาร์มโทมิตะซึ่งมีการปลูกลาเวนเดอร์ที่ทั้งสวยงามและกว้างใหญ่ไพศาลรวมทั้งดอกไม้อื่นๆโดยที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวมากในช่วงปลายเดือนมิถุนายนจนกระทั่งกลางเดือนกันยายนส่วนในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะปกคลุมไปด้วยหิมะหนามากทำให้กลายเป็นลานสกีที่มีชื่อเสียงและเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับลานสกีในช่วงกลางเดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมีนาคมของทุกปี เรียกได้ว่า10อันดับสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่เรานำมาฝากนี้จะเป็นทางเลือกที่ดีในการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อที่เราจะได้ไม่พลาดแหล่งท่องเที่ยวสำคัญสักที่เลยจ้า
Read More »
January 4, 2020
ท่องเที่ยว
เพื่อนๆอยากออกไปเที่ยวคนเดียวดูไหมคะ???แล้วรู้หรือไม่ว่าการออกไปเที่ยวคนเดียวมันดีขนาดไหน???หลายๆคนคงคิดว่า…การออกไปเที่ยวคนเดียวนั้นมันไม่สนุกมันไม่น่าไปที่สำคัญมันเหงา5555แต่วันนี้เราจะมาเปลี่ยนความคิดของเพื่อนๆเองคะเที่ยวคนเดียวก็ฟินได้ไม่ว่าจะขึ้นรถลงเรืองเที่ยวเหนือล่องใต้หรือบินไกลไปยังต่างประเทศก็จงสนุกกับการท่องเที่ยวของตัวเองที่สำคัญยังได้ประสบการณ์ใหม่ๆด้วยนะคะ 1.เป็นอิสระ ข้อแรกต้องบอกเลยว่าสำคัญมาก เพราะไม่ต้องมารอใคร สิ่งใดหรือฟังความเห็นจากใคร ตัดสินใจด้วยตัวเอง อยู่กับตัวเอง จะออกไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ แต่งตัวแบบไหนก็ได้5555เอาให้สุดเหวี่ยงไปเลยคะ 2.รู้จักการวางแผน การไปท่องเที่ยวในแต่ละที่ ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ เนื่องจากการการวางแผนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ว่าเราจะเดินทางไปไหน เตรียมอะไรไปบ้าง และใช้เงินเท่าไหร่ซึ่งจะต้องวางแผนไว้ล่วงหน้า และอีกอย่างที่ต้องทำคือหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่เราไปค่าใช้จ่ายที่เราต้องใช้ เพราะหากวางแผนทำการบ้านไปดี จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดีสุดๆเลยละคะ 3.ไปสถานที่ในฝัน เราเชื่อว่าทุกคนจะต้องวาดฝันเอาไว้ว่า…ฉันจะต้องไปประเทศนั้นฉันจะต้องไปเมืองนั้นและก็อยากไปสถานที่แห่งนั้นสักครั้งในชีวิตเปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นความจริง เมื่อมีโอกาสได้เดินทางมาเห็นจริงๆก็จะฟินนนนนนสุดๆได้ถ่ายเก็บเรื่องราวถือแม้จะดูเงียบเหงาไปหน่อยก็ก็ประทับใจสุดๆที่ได้มาเที่ยวสถานที่ในฝัน 4.ฝึกความอดทนไปในตัว การเดินทางไปเที่ยวคนเดียวจะต้องเดินทางไปนู้นนี้นั้นแบกเป้ลุยเดี่ยวขึ้นรถ ลงเรือหรือปีนเขาก็ตามก็จะต้องใช้ความอดทนทั้งนั้นดังนั้นเราจึงต้องฝึกความอดทนเพื่อได้เที่ยวอย่างสนุกนั้นเอง 5.เรียนรู้วัฒนธรรมและภาษา ข้อนี้ถือเป็นเปิดประสบการณ์และได้เรียนรู้ระหว่างการเดินทางเพราะเราได้เดินทางไปต่างถิ่นเช่นไปเที่ยวภาคอิสานก็จะได้เรียนรู้สำเนียงภาษาของชาวอิสานแต่ถ้าไปเที่ยวต่างประเทศก็จะได้ฝึกหัดการทักทายแบบง่ายของประเทศนั้นๆหากเราพูดภาษาของประเทศนั้นได้บางคำอาจจะทำให้คนประเทศนั้นมองว่าเราให้ความสำคัญกับประเทศของเขาไม่น้อยค่ะ 6.ได้สัมผัสกับอาหารต่างถิ่นหรือต่างแดนแต่ละพื้นที่แต่ละท้องถิ่นย่อมมีวัฒนธรรมที่แตกแต่งกันเรื่องอาหารก็เช่นกันเช่นหากเที่ยวภาคใต้ก็จะได้ทานอาหารรสชาติที่เผ็ด ร้อน หรือหากเราเดินทางไปเที่ยวอินโดนีเซียก็จะได้พบอาหารใหม่ที่จะต้องได้กินและลิ้มลองว่าอร่อยเพียงใด 7.รู้จักออมเงินไปเที่ยว การจะเดินทางไปเที่ยวคนเดียวแต่ละครั้งจะต้องใช้งบประมาณไม่น้อย ดังนั้นจะทำให้เรารู้จักการเก็บหอมรอบริบออมเงินใส่กระปุกออมสินเพื่อจะได้เงินที่เก็บออมไว้นั้นนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวไปแต่ละเมือง(ถือเป็นการออมที่ทำให้เรารู้จักการวางแผนด้วยคะ) 8.มีความสุขทางใจ และแล้วก็เดินทางมาถึงข้อสุดท้าย การเที่ยวคนเดียวนั้น สามารถสร้างความสุขทางใจให้เราไม่น้อยเพราะสมองจะหลั่งสารอะดีนาลีนและเอ็นโดฟีนเป็นสารสร้างความสุขทำให้เรามีจิตใจที่ดีคิดที่จะทำดีและต้องมองโลกในแง่ดีด้วยคะ
Read More »
January 4, 2020
ท่องเที่ยว
สำหรับใครที่อยากเดินทางท่องเที่ยวดินแดนในฝันแห่งยุโรปตอนกลาง แต่เอ๋….เลือกไม่ถูกว่าจะไปไหนดี เราจึงขอเสนอที่นี้เลย”5สถานที่เที่ยวเยอรมัน” เป็นประเทศที่หลายๆคนคงอยากเดินทางไปเยือนสักครั้งในชีวิตและด้วยทัศนีย์ภาพที่สวยงามเหมาะกับการเก็บภาพสวยๆ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากหลากหลายประเทศเดินทางมาที่แห่งนี้ เดี๋ยวเราไปชมกันเลยดีกว่าว่ามีที่ไหนบ้าง 1.หุบเขาโรแมนติกไรน์ เส้นทางหุบเขาที่ยาวเหยียดระหว่างเมืองBingenและเมืองBonn โดยที่ตรงกลางมีแม่น้ำไรน์ไหลผ่านซึ่งทางธรณีวิทยานั้นเรียกพื้นที่ตรงนี้ว่าไรน์ฟยอร์ด ที่โดดเด่นด้วยภูมิทัศน์ที่งดงามและปราสาทยุคกลางกว่า40แห่ง รวมทั้งหมู่บ้านงดงามประกอบไปด้วยระเบียงไร่องุ่นนั่นจึงทำให้ภูมิภาคในแถบนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ทั้งนี้วิธีที่ดีที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวในการชื่นชมและสัมผัสความโรแมนติกของแม่น้ำไรน์ก็คือการล่องเรือนั่นเองค่ะ 2.เมืองโคโลญ ตั้งอยู่บนแม่น้ำไรน์ในรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลียถือเป็นหนึ่งในเมืองเยอรมันเป็นที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ใฝ่ฝันอยากมาทัวร์เยอรมันดูสักครั้ง ด้วยความเป็นเมืองเก่าแก่แต่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาจากสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง นอกจากนี้เมืองโคโลญยังมีสถานที่เที่ยวที่น่าประทับใจอีกมากมายเช่นสัญลักษณ์อันเป็นทางการของเมืองอย่างมหาวิหารโคโลญคริสตจักรโกธิคที่สวยงาม ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น1ใน12คริสตจักรโรมันอันงดงามของสถาปัตยกรรมยุคก 3.กรุงเบอร์ลิน นับตั้งแต่การล่มสลายของกำแพงเบอร์ลินเมื่อปี1989กรุงเบอร์ลิน(Berlin) ในวันนี้ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่ามากที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปยุโรปก็ว่าได้ เพราะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประตูบรันเดนบูร์กกำแพงเบอร์ลินโบสถ์อนุสรณ์ไกเซอร์วิลเฮล์มอเล็กซานเดอร์พลาทซ์เป็นต้น นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วยสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มีให้เลือกมากมายหลายระดับ 4.เมืองลือเบกค์ เป็นหนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในทะเลบอลติกที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเยอรมนีในรัฐชเลสวิก-โฮลชไตน์โดยในอดีตที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของกลุ่มฮันเซียติคมาก่อนและแม้ว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ลือเบกค์จะโดนทำลายด้วยการทิ้งระเบิดจนได้รับความเสียหายอย่างหนักแต่ปัจจุบันที่นี่กลับเป็นที่เที่ยวเยอรมัน จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ที่แสวงหาความสงบและถาปัตยกรรมในยุคกลางไปซะอย่างนั้น โดยมีทัศนียภาพของแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์เช่นมหาวิหารที่สวยงามศาลากลางจังหวัดที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่12รวมไปถึงประตูเมืองเก่าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอย่างHolstentor 5.ปราสาทนอยชวานชไตน์ ในบรรดาปราสาททั่วทุกแห่งในภูมิภาคยุโรปต้องยอมรับจริงๆ ว่าปราสาทที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดก็คือปราสาทนอยชวานชไตน์(NeuschwansteinCastle) ที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์แถบแคว้นบาวาเรียประเทศเยอรมนีนี่เอง ซึ่งสาเหตุทั้งหมดก็เพราะว่าที่นี่คือต้นแบบของการสร้างปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทราที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์นั่นเองค่ะ อย่างไรก็ดีตัวปราสาทของจริงนั้นมีความสวยงามเป็นอย่างมาก ซึ่งภายในปราสาทที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้จะมีอยู่ทั้งหมด14ห้อง
Read More »
January 4, 2020
ท่องเที่ยว
วันนี้เราจะพาไปเช็คอิน”4สถานที่ท่องเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์”เป็นดินแดนขนาดเล็กที่อยู่ฝั่งยุโรปมีสถานที่เที่ยวมากมายให้เราไปเยือนและถ่ายรูปสวยๆกัน ใครที่กำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวลองไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ดูคะ…แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง 1.กลาเซียเอ๊กซ์เพรส รถไฟกลาเซียร์เอ็กซ์เพรสGlacierExpressเป็นรถไฟชมทัศนียภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดของสวิส“รถไฟด่วนที่วิ่งช้าที่สุดในโลก” ชมทัศนียภาพอันล้ำสมัยนี้วิ่งผ่านธารน้ำแข็ง,ภูเขาและแม่น้ำอันตระการตาของสวิตเซอร์แลนด์นอกจากนี้ยังมีบริการเสิร์ฟอาหารที่ทำขึ้นสดๆถึงที่นั่งนอกจากกลาเซียร์เอ็กซ์เพรสแล้วยังมีรถไฟภูมิภาคที่วิ่งทุกๆชั่วโมงที่วิ่งผ่านเส้นทางเดียวกันโดยไม่ต้องมีการจองที่นั่ง 2.เจนีวา สัมผัสถึงสิ่งน่าตื่นตาตื่นใจทั้งสถานที่,กิจกรรมต่างๆและงานเทศกาลเราะจะพบกับการผสมผสานอย่างลงตัวของวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมกับความทันสมัยและแสงสียามค่ำคืนที่เจนีวา อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยทะเลสาบอัลไพน์เมืองมีกิจกรรมที่ดีกลางแจ้ง,ทะเลสาบว่ายน้ำในและภูเขาในการสำรวจ 3.ลูกาโน่ เมืองริมทะเลสาบที่แวดล้อมไปด้วยภูเขาในภูมิภาคTicinoซึ่งมีชายแดนติดกับอิตาลีเมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็น“มอนติคาร์โลแห่งสวิตเซอร์แลนด์”เนื่องจากมักจะมีคนดังและนักลงทุนผู้มั่งคั่งมาเยือนอยู่เสมอ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในเมืองมีพิพิธภัณฑ์และสถานที่สำคัญอันน่าสนใจหลายแห่งด้วยคะ 4.ลานสฟิงค์ นับเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรปที่ระดับความสูงถึง3,571เมตรสามารถมองเห็นได้กว้างไกลที่ถึงชายแดนสวิสสัมผัสกับภาพของธารน้ำแข็งAletschGlacierที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ยาวถึง22ก.ม.และหนาถึง700เมตร โดยไม่เคยละลายอิสระให้ท่านได้สนุกสนานกับการถ่ายรูปเล่นหิมะบนยอดเขาและเพลิดเพลินกับกิจกรรมบนยอดเขา
Read More »